Support
บูลบัค
02-5182764-5 Fax : 02-5182767
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ซื้อรถดูอะไร แล้วตัดสินใจซื้อ

bullbuckauto | 14-06-2561 | เปิดดู 734 | ความคิดเห็น 0

 

 

ซื้อรถดูอะไร แล้วตัดสินใจซื้อ

คือมองรถที่อยากซื้อด้วยความรู้สึก อารมย์ ชอบ สวย ถูกใจ ถูกโฉลก เท่ห์ การตกแต่งภายในสวยถูกใจ ใช้วัสดุถูกใจ สีถูกใจ มีความหรูหราตามต้องการ ตามราคารถ ตามสภาพรถประโยชน์ใช้สอยที่จะหาได้จากรถที่ต้องการซื้อ คุ้มค่า หรือไม่คุ้มค่า หรือเพื่อขับขี่เล่น เพื่อส่งลูกไปโรงเรียน เพื่อไปกลับที่ทำงาน หรือใช้เพื่อเป็นยานพาหนะในการติดต่องานรวมด้วยการมองความจริงว่า.. รถราคาถูกหรือแพง,สมรรถนะการขับขี่ ออกตัวไว แซงไว แซงช้า อืด ใช้น้ำมันอะไร ประหยัดไหม รองรับน้ำหนักได้มากน้อยแค่ไหน  เสียไวหรือเปล่า การรับประกันรองรับอะไร  แตกต่างกันไปตามสภาพของความอยากได้ และจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อรถที่อยากได้มาครอบครอง บางท่านก็อาจจะหาซื้อรถได้เหมาะกับตัวเองทั้งราคาและคุณลักษณะของรถที่ต้องการ แต่บาง ท่านอาจรู้สึกไม่คุ้มค่า เมื่อได้รถมาใช้จริงๆ หรือประโยชน์ใช้สอยไม่ตรงกับที่อยากได้ หรือราคา การซ่อม อะไหล่ ต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อม ในขณะที่เปรียบเทียบกับรถยี่ห้ออื่นที่ซ่อม อะไหล่ชนิดเดียวกัน แต่จ่ายถูกกว่า 

                สำหรับผู้ที่อาจผิดหวังจากการใช้งานรถที่เรา ขอให้พิจารณา สิ่งที่อาจมีผลกระทบกับความชอบหรือไม่ชอบเมื่อตัดสินใจซื้อรถคันโปรดไปแล้ว

                1. ดูความถูกใจต่างๆ และราคาสามารถผ่อนได้ ไม่เดือดร้อนใช่หรือไม่?   ถ้าผ่อนแล้วเดือดร้อนก็ลดรุ่นลงมา เพื่อให้ราคาผ่อนลดลง แต่ก็มีบางยี่ห้อให้ผ่อน 60 เดือน 72 เดือน ผ่อนน้อยก็จริงแต่มันก็เป็นภาระระยะยาว ช่วง 5-6 ปี ในช่วงชีวิต มีขึ้น มีลง มีอะไรต่างๆ มากมาย ทั้งดีทั้งไม่ดี การมีภาระระยะยาว อาจสร้างปัญหาได้ ถึงจะดูว่าผ่อนน้อยตามฐานะของเรา และผ่อนน้อย มันก็แปลในทางเดียวกันว่าดอกเบี้ยเยอะ ระยะผ่อนลองดู 3 - 4 ปี จ่ายหมด เราจะมีตังค์เหลือ ในระยะยาว ลองคำณวนเปรียบเทียบส่วนต่าง จำนวนเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยระหว่างการผ่อนรถ จำนวนเงินทั้งหมดของดอกเบี้ย 3 ปี, 4 ปี, 6 ปี มันแตกต่างกันมาก

                2. รูปแบบรถใกล้เคียงกัน บางยี่ห้อออฟชั่นตกแต่งมากกว่าอีกยี่ห้อ ราคาดาวน์น้อยกว่า และยืด ระยะเวลาการผ่อนออกไปนาน  รู้สึกเหมือนใช้เงินน้อยที่จ่ายออกไปแล้วได้รถมา แต่จริงแล้ว   เป็นการใช้เงินมาก โดยทั่วไปรถที่การเสนอขายแบบนี้ พอหมดระยะประกันอะไหล่จะเสียเร็วและค่าอะไหล่จะแพง เจ้าของรถก็ไม่อยากซ่อม ก็ปล่อยรถเสียไปเรื่อยๆ ทีละนิดทีละอย่างจนรถวิ่งแทบไม่ได้ จึงตัดสินใจซ่อมใหญ่ด้วยเงินจำนวนมาก  ซึ่งข้อนี้อาจแตกต่างจากรถที่เรียกว่ารถตลาด คือรถตลาดจะหาอะไหล่ได้ง่ายมีทั่วไป ราคาไม่แพง  ราคาสามารถจ่ายซ่อมได้เมื่อเสียระหว่างการใช้งาน หลังจากรถหมดการประกันสิ่งที่สำคัญคือการเตรียมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมดูแลรักษารถ เพื่อใช้ได้นานเท่าที่ เราต้องการ    พื้นฐานค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ ดูง่ายๆ จากเครื่องยนต์ เพราะทุกคนเวลาซื้อรถ ก็จะเปิด ฝากระโปรงรถดู แล้วดูอะไรอ่ะ  ถ้างั้น ขอให้สังเกตุอย่างนี้ก่อนแล้วกัน

    สิ่งแรก  เครื่องยนต์มีขนาด กี่ cc เช่นเครื่อง 1300cc, 1500cc, 1600cc, 1800cc, 2000cc อื่นๆ

   เพราะมันหมายถึง ความสิ้นเปลืองน้ำมัน รถยิ่งเก่าแล้วยิ่งไม่ค่อยดูแล โทรมมาก cc

ยิ่งมาก ยิ่งกินเชื้อเพลิงมาก  และยิ่ง cc มาก ราคาอะไหล่ก็สูงกว่าเครื่องที่ cc น้อย

โดยทั่วไป  ก็ดูว่าขนาดของเครื่องยนต์ cc มีความหมายกับเราหรือไม่และก็ดูว่าเครื่องยนต์นั้นมีกี่สูบ ปกติเครื่องยนต์รถบ้าน กระบะ ก็จะมี 4 สูบ

  แต่ถ้าเลือกซื้อเครื่องยนต์ที่มี 5 สูบ, 6 สูบ, 8 สูบ ก็ต้องเข้าใจว่า จำนวนอะไหล่ยิ่งมากเวลาซ่อม ค่าใช้จ่ายในการซื้ออะไหล่ก็มากตาม รวมทั้งการหาซื้ออะไหล่ หาง่ายอยากอีกด้วย หรือต้องเข้าศูนย์ฯ อย่างเดียว

     ต่อมา  ก็ดูความไฮเทคโนโลยี  ยิ่งมีออฟชั่นเทคโนโลยีมาก โปรดพิจารณาในทางเดียวกัน ว่าเมื่อเสีย แล้วต้องซ่อมเพื่อให้กลับมาดีเหมือนเดิม ก็จะต้องจ่ายค่าอะไหล่ ค่าออฟชั่นของเทคโนโลยีต่างๆ ที่มี แล้วช่างก็จะถามว่า อยากได้ของศูนย์หรือของเทียบ ของเทียบราคาก็จะถูกกว่า แต่ผู้ใช้รถก็ต้องรับไปตามสภาพว่าของเทียบไม่อาจมีศักยภาพเหมือน  ของแท้จากโรงงาน ความทนทาน กำลังงาน กำลังไฟฟ้า ออฟชั่นต่างๆทางเทคโนโลยี อาจไม่มีเต็มเหมือนของเดิมติดรถ ก็ดูความต้องการของเราว่าเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตรถให้มามีอะไรที่เราต้องใช้หรืออยากใช้ มันก็คือจำนวนเงินที่ต้องจ่ายออกไป ถ้าอุปกรณ์น้อยออฟชั่นน้อยลง เทคโนโลยีน้อยลง ค่าใช้จ่าย ราคารถก็จะถูกลง ค่าซ่อมรถก็จะถูกลง

      เสร็จแล้วก็มาต่อกันที่เครื่องยนต์ เวลาเปิดฝากระโปรงรถดู  มองเห็นคอยล์จุดระเบิดหัวเทียนอยู่ด้านหน้าของเครื่องยนต์ บนเครื่องยนต์ หรือหลังเครื่องยนต์ มันหมายถึงความอยากหรือความง่ายในการเปลี่ยนคอยล์ เปลี่ยนหัวเทียน ถ้าอยู่ด้านหน้าหรือด้านบน จะเปลี่ยนง่ายค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถูก หรือแถบไม่ได้คิดสตางค์เลย แต่ถ้าอยู่หลังเครื่องยนต์ จะเปลี่ยนอยาก อาจต้องรอเครื่องยนต์ลดอุณหภูมิก่อน จึงถอดแกะเปลี่ยนได้แล้วก็มาดู จำนวนของคอยล์ที่ผู้ผลิตรถเขาให้มา ว่ามีกี่อัน คือ 1 อันต่อ 1 สูบ หรือมากกว่า 1 อัน ต่อ 1 สูบ  มันหมายความว่า ถ้าคอยล์เสีย แทนที่เราจะเปลี่ยน 4 อันกลับต้องเปลี่ยนเป็น 8 อัน ค่าใช้จ่ายมันสูงมาก จึงควรเลือกเครื่องยนต์ที่มีคอยล์ 1 อัน ต่อ 1 สูบและที่น่าจะดูอีก 2-3 อย่าง   เพราะมันคือค่าใช้จ่ายตอนซ่อมที่อาจต้องจ่ายแพงกว่า เมื่อเทียบกับตำแหน่งของอะไหล่ของรถหลายๆยี่ห้อ ที่มีตำแหน่งติดตั้งที่เห็นหรือถอดประกอบได้ง่าย  คือ กรองอากาศอยู่ตรงไหน แกะง่าย หรือแกะเปลี่ยนยาก รถบางคันจะเปลี่ยนกรองอากาศได้ ต้องถอดท่อด้านบนออกหลายอย่างกว่าจะเจอกรองอากาศ มันหมายถึงค่าใช้จ่ายการซ่อมที่อาจแพงขึ้นสำหรับการเปลี่ยนกรองอากาศ จากการถอดประกอบท่อจนเปลี่ยนได้  และใส่กลับไปได้อีกอัน คือดูว่ารถนั้นมี เทอร์โบหรือไม่สำหรับรถเก๋งเบนซิน เราควรพิจารณาดูว่า เรามีความจำเป็นหรืออยากต้องมี เทอร์โบติดกับเครื่องยนต์ของเราหรือไม่เพราะการมีเทอร์โบเมื่อเสีย จะมีค่าใช้จ่ายการซ่อมที่แพงมาก สุดท้ายถ้าอะไหล่ศูนย์เราคิดว่าแพง เราก็จะไปหาเทอร์โบอะไรมาใส่ก็ได้  และอาจทำให้สภาพรถเราเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง กว่าเดิมเรื่อยๆ  จึงน่าจะคิดดูว่าเลือกรถที่มีเทอร์โบดี หรือไม่มีดี ให้ดูเงินในกระเป๋าว่าพร้อมจ่ายค่า ออฟชั่นแบบนี้หรือไม่เมื่อซ่อม

         รถในปัจจุบันนี้ การปรัปตั้งระยะห่างวาล์ว จะทำทีต้องถอดเกือบหมดเครื่อง หรือจะเลือกซื้อรถที่เปิดฝาครอบวาล์วออกมาแล้วปรับตั้งระยะห่างวาล์วได้เลย อันนี้ก็แล้วแต่ ผู้ซื้อรถก็อาจสอบถามตรวจเช็คจากผู้ขายก่อน แล้วเทียบกับการจ่ายเงินเพื่อซ่อม เทียบกันกับยี่ห้อหลายๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะมันคือจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต

                มุมมองในการเลือกซื้อรถที่ว่ามานี้ อาจช่วยให้ท่านสามารถประหยัด เงินที่ต้องจ่ายในการซ่อมได้ และสามารถบำรุงรักษารถได้อย่างประหยัดทีเดียว ด้วยการเลือกมองค่าใช้จ่ายเมื่อต้องซ่อมจากเครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบมา เมื่อท่านซื้อรถแล้วเปิดดูว่าใต้ฝากระโปรงรถมีค่าใช้จ่ายอะไรซ่อนไว้บ้าง จะรถมือ 1 หรือรถมือ 2 ก็น่าจะดูแบบเดียวกันเวลาจะตัดสินใจซื้อ คือดูค่าใช้จ่ายเมื่อต้องซ่อม

 

ซื้อรถดูอะไร แล้วตัดสินใจซื้อ

คือมองรถที่อยากซื้อด้วยความรู้สึก อารมย์ ชอบ สวย ถูกใจ ถูกโฉลก เท่ห์ การตกแต่งภายในสวยถูกใจ ใช้วัสดุถูกใจ สีถูกใจ มีความหรูหราตามต้องการ ตามราคารถ ตามสภาพรถประโยชน์ใช้สอยที่จะหาได้จากรถที่ต้องการซื้อ คุ้มค่า หรือไม่คุ้มค่า หรือเพื่อขับขี่เล่น เพื่อส่งลูกไปโรงเรียน เพื่อไปกลับที่ทำงาน หรือใช้เพื่อเป็นยานพาหนะในการติดต่องานรวมด้วยการมองความจริงว่า.. รถราคาถูกหรือแพง,สมรรถนะการขับขี่ ออกตัวไว แซงไว แซงช้า อืด ใช้น้ำมันอะไร ประหยัดไหม รองรับน้ำหนักได้มากน้อยแค่ไหน  เสียไวหรือเปล่า การรับประกันรองรับอะไร  แตกต่างกันไปตามสภาพของความอยากได้ และจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อรถที่อยากได้มาครอบครอง บางท่านก็อาจจะหาซื้อรถได้เหมาะกับตัวเองทั้งราคาและคุณลักษณะของรถที่ต้องการ แต่บาง ท่านอาจรู้สึกไม่คุ้มค่า เมื่อได้รถมาใช้จริงๆ หรือประโยชน์ใช้สอยไม่ตรงกับที่อยากได้ หรือราคา การซ่อม อะไหล่ ต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อม ในขณะที่เปรียบเทียบกับรถยี่ห้ออื่นที่ซ่อม อะไหล่ชนิดเดียวกัน แต่จ่ายถูกกว่า 

                สำหรับผู้ที่อาจผิดหวังจากการใช้งานรถที่เรา ขอให้พิจารณา สิ่งที่อาจมีผลกระทบกับความชอบหรือไม่ชอบเมื่อตัดสินใจซื้อรถคันโปรดไปแล้ว

                1. ดูความถูกใจต่างๆ และราคาสามารถผ่อนได้ ไม่เดือดร้อนใช่หรือไม่?   ถ้าผ่อนแล้วเดือดร้อนก็ลดรุ่นลงมา เพื่อให้ราคาผ่อนลดลง แต่ก็มีบางยี่ห้อให้ผ่อน 60 เดือน 72 เดือน ผ่อนน้อยก็จริงแต่มันก็เป็นภาระระยะยาว ช่วง 5-6 ปี ในช่วงชีวิต มีขึ้น มีลง มีอะไรต่างๆ มากมาย ทั้งดีทั้งไม่ดี การมีภาระระยะยาว อาจสร้างปัญหาได้ ถึงจะดูว่าผ่อนน้อยตามฐานะของเรา และผ่อนน้อย มันก็แปลในทางเดียวกันว่าดอกเบี้ยเยอะ ระยะผ่อนลองดู 3 - 4 ปี จ่ายหมด เราจะมีตังค์เหลือ ในระยะยาว ลองคำณวนเปรียบเทียบส่วนต่าง จำนวนเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยระหว่างการผ่อนรถ จำนวนเงินทั้งหมดของดอกเบี้ย 3 ปี, 4 ปี, 6 ปี มันแตกต่างกันมาก

                2. รูปแบบรถใกล้เคียงกัน บางยี่ห้อออฟชั่นตกแต่งมากกว่าอีกยี่ห้อ ราคาดาวน์น้อยกว่า และยืด ระยะเวลาการผ่อนออกไปนาน  รู้สึกเหมือนใช้เงินน้อยที่จ่ายออกไปแล้วได้รถมา แต่จริงแล้ว   เป็นการใช้เงินมาก โดยทั่วไปรถที่การเสนอขายแบบนี้ พอหมดระยะประกันอะไหล่จะเสียเร็วและค่าอะไหล่จะแพง เจ้าของรถก็ไม่อยากซ่อม ก็ปล่อยรถเสียไปเรื่อยๆ ทีละนิดทีละอย่างจนรถวิ่งแทบไม่ได้ จึงตัดสินใจซ่อมใหญ่ด้วยเงินจำนวนมาก  ซึ่งข้อนี้อาจแตกต่างจากรถที่เรียกว่ารถตลาด คือรถตลาดจะหาอะไหล่ได้ง่ายมีทั่วไป ราคาไม่แพง  ราคาสามารถจ่ายซ่อมได้เมื่อเสียระหว่างการใช้งาน หลังจากรถหมดการประกันสิ่งที่สำคัญคือการเตรียมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมดูแลรักษารถ เพื่อใช้ได้นานเท่าที่ เราต้องการ    พื้นฐานค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ ดูง่ายๆ จากเครื่องยนต์ เพราะทุกคนเวลาซื้อรถ ก็จะเปิด ฝากระโปรงรถดู แล้วดูอะไรอ่ะ  ถ้างั้น ขอให้สังเกตุอย่างนี้ก่อนแล้วกัน

    สิ่งแรก  เครื่องยนต์มีขนาด กี่ cc เช่นเครื่อง 1300cc, 1500cc, 1600cc, 1800cc, 2000cc อื่นๆ

   เพราะมันหมายถึง ความสิ้นเปลืองน้ำมัน รถยิ่งเก่าแล้วยิ่งไม่ค่อยดูแล โทรมมาก cc

ยิ่งมาก ยิ่งกินเชื้อเพลิงมาก  และยิ่ง cc มาก ราคาอะไหล่ก็สูงกว่าเครื่องที่ cc น้อย

โดยทั่วไป  ก็ดูว่าขนาดของเครื่องยนต์ cc มีความหมายกับเราหรือไม่และก็ดูว่าเครื่องยนต์นั้นมีกี่สูบ ปกติเครื่องยนต์รถบ้าน กระบะ ก็จะมี 4 สูบ

  แต่ถ้าเลือกซื้อเครื่องยนต์ที่มี 5 สูบ, 6 สูบ, 8 สูบ ก็ต้องเข้าใจว่า จำนวนอะไหล่ยิ่งมากเวลาซ่อม ค่าใช้จ่ายในการซื้ออะไหล่ก็มากตาม รวมทั้งการหาซื้ออะไหล่ หาง่ายอยากอีกด้วย หรือต้องเข้าศูนย์ฯ อย่างเดียว

     ต่อมา  ก็ดูความไฮเทคโนโลยี  ยิ่งมีออฟชั่นเทคโนโลยีมาก โปรดพิจารณาในทางเดียวกัน ว่าเมื่อเสีย แล้วต้องซ่อมเพื่อให้กลับมาดีเหมือนเดิม ก็จะต้องจ่ายค่าอะไหล่ ค่าออฟชั่นของเทคโนโลยีต่างๆ ที่มี แล้วช่างก็จะถามว่า อยากได้ของศูนย์หรือของเทียบ ของเทียบราคาก็จะถูกกว่า แต่ผู้ใช้รถก็ต้องรับไปตามสภาพว่าของเทียบไม่อาจมีศักยภาพเหมือน  ของแท้จากโรงงาน ความทนทาน กำลังงาน กำลังไฟฟ้า ออฟชั่นต่างๆทางเทคโนโลยี อาจไม่มีเต็มเหมือนของเดิมติดรถ ก็ดูความต้องการของเราว่าเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตรถให้มามีอะไรที่เราต้องใช้หรืออยากใช้ มันก็คือจำนวนเงินที่ต้องจ่ายออกไป ถ้าอุปกรณ์น้อยออฟชั่นน้อยลง เทคโนโลยีน้อยลง ค่าใช้จ่าย ราคารถก็จะถูกลง ค่าซ่อมรถก็จะถูกลง

      เสร็จแล้วก็มาต่อกันที่เครื่องยนต์ เวลาเปิดฝากระโปรงรถดู  มองเห็นคอยล์จุดระเบิดหัวเทียนอยู่ด้านหน้าของเครื่องยนต์ บนเครื่องยนต์ หรือหลังเครื่องยนต์ มันหมายถึงความอยากหรือความง่ายในการเปลี่ยนคอยล์ เปลี่ยนหัวเทียน ถ้าอยู่ด้านหน้าหรือด้านบน จะเปลี่ยนง่ายค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถูก หรือแถบไม่ได้คิดสตางค์เลย แต่ถ้าอยู่หลังเครื่องยนต์ จะเปลี่ยนอยาก อาจต้องรอเครื่องยนต์ลดอุณหภูมิก่อน จึงถอดแกะเปลี่ยนได้แล้วก็มาดู จำนวนของคอยล์ที่ผู้ผลิตรถเขาให้มา ว่ามีกี่อัน คือ 1 อันต่อ 1 สูบ หรือมากกว่า 1 อัน ต่อ 1 สูบ  มันหมายความว่า ถ้าคอยล์เสีย แทนที่เราจะเปลี่ยน 4 อันกลับต้องเปลี่ยนเป็น 8 อัน ค่าใช้จ่ายมันสูงมาก จึงควรเลือกเครื่องยนต์ที่มีคอยล์ 1 อัน ต่อ 1 สูบและที่น่าจะดูอีก 2-3 อย่าง   เพราะมันคือค่าใช้จ่ายตอนซ่อมที่อาจต้องจ่ายแพงกว่า เมื่อเทียบกับตำแหน่งของอะไหล่ของรถหลายๆยี่ห้อ ที่มีตำแหน่งติดตั้งที่เห็นหรือถอดประกอบได้ง่าย  คือ กรองอากาศอยู่ตรงไหน แกะง่าย หรือแกะเปลี่ยนยาก รถบางคันจะเปลี่ยนกรองอากาศได้ ต้องถอดท่อด้านบนออกหลายอย่างกว่าจะเจอกรองอากาศ มันหมายถึงค่าใช้จ่ายการซ่อมที่อาจแพงขึ้นสำหรับการเปลี่ยนกรองอากาศ จากการถอดประกอบท่อจนเปลี่ยนได้  และใส่กลับไปได้อีกอัน คือดูว่ารถนั้นมี เทอร์โบหรือไม่สำหรับรถเก๋งเบนซิน เราควรพิจารณาดูว่า เรามีความจำเป็นหรืออยากต้องมี เทอร์โบติดกับเครื่องยนต์ของเราหรือไม่เพราะการมีเทอร์โบเมื่อเสีย จะมีค่าใช้จ่ายการซ่อมที่แพงมาก สุดท้ายถ้าอะไหล่ศูนย์เราคิดว่าแพง เราก็จะไปหาเทอร์โบอะไรมาใส่ก็ได้  และอาจทำให้สภาพรถเราเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง กว่าเดิมเรื่อยๆ  จึงน่าจะคิดดูว่าเลือกรถที่มีเทอร์โบดี หรือไม่มีดี ให้ดูเงินในกระเป๋าว่าพร้อมจ่ายค่า ออฟชั่นแบบนี้หรือไม่เมื่อซ่อม

         รถในปัจจุบันนี้ การปรัปตั้งระยะห่างวาล์ว จะทำทีต้องถอดเกือบหมดเครื่อง หรือจะเลือกซื้อรถที่เปิดฝาครอบวาล์วออกมาแล้วปรับตั้งระยะห่างวาล์วได้เลย อันนี้ก็แล้วแต่ ผู้ซื้อรถก็อาจสอบถามตรวจเช็คจากผู้ขายก่อน แล้วเทียบกับการจ่ายเงินเพื่อซ่อม เทียบกันกับยี่ห้อหลายๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะมันคือจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต

                มุมมองในการเลือกซื้อรถที่ว่ามานี้ อาจช่วยให้ท่านสามารถประหยัด เงินที่ต้องจ่ายในการซ่อมได้ และสามารถบำรุงรักษารถได้อย่างประหยัดทีเดียว ด้วยการเลือกมองค่าใช้จ่ายเมื่อต้องซ่อมจากเครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบมา เมื่อท่านซื้อรถแล้วเปิดดูว่าใต้ฝากระโปรงรถมีค่าใช้จ่ายอะไรซ่อนไว้บ้าง จะรถมือ 1 หรือรถมือ 2 ก็น่าจะดูแบบเดียวกันเวลาจะตัดสินใจซื้อ คือดูค่าใช้จ่ายเมื่อต้องซ่อม

 

ความคิดเห็น

วันที่: Wed Apr 24 07:26:03 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0
bullbuckauto.com


บูลบัค แก๊ส แอนด์ ออโต้ เลขที่ 1 ซอยรามคำแหง 187/1 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพ ฯ 10510



เวลาทำงาน จันทร์-เสาร์ 08.30 น.-17.30 น.
( วันอาทิตย์หยุด )

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลโปรโมชั่นภายในร้าน
โทร 02-5182764-5



BullBuckAuto

โทร 02-5182764-5

อีเมล :  bullbuck.minburi@gmail.com